วันเสาร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

มารยาทไทย


มารยาทไทย/การแสดงความเคารพ

รายละเอียดเกี่ยวกับการแสดงความเคารพเป็นเอกลักษณ์สำคัญของคนไทยเป็นเรื่องแรก การแสดงความเคารพมีหลายลักษณะ เช่น การประนมมือ การไหว้ การกราบ การคำนับ การถวายความเคารพ การที่จะแสดงความเคารพในลักษณะใดนั้น ต้องพิจารณาผู้ที่จะรับความเคารพด้วยว่าอยู่ในฐานะเช่นใด หรือในโอกาสใด แล้วจึงแสดงความเคารพให้ถูกต้องและเหมาะสม การแสดงความเคารพแบ่งได้ดังนี้ คือ
๔.๑ การไหว้
การปฏิบัติในท่าไหว้ประกอบด้วยกิริยา ๒ ส่วน คือ การประนมมือและการไหว้
การประนมมือ (อัญชลี) เป็นการแสดงความเคารพ โดยการประนมมือให้นิ้วมือทั้งสองข้างชิดกัน ฝ่ามือทั้งสองประกบเสมอกันแนบหว่างอก ปลายนิ้วเฉียงขึ้นพอประมาณ แขนแนบตัวไม่กางศอก ทั้งชายและหญิงปฏิบัติเหมือนกัน การประนมมือนี้ใช้ในการสวดมนต์ ฟังพระสวดมนต์ ฟังพระธรรมเทศนา ขณะสนทนากับพระสงฆ์ รับพรจากผู้ใหญ่ แสดงความเคารพผู้เสมอกัน และรับความเคารพจากผู้อ่อนอาวุโสกว่า เป็นต้น
การไหว้ (วันทนา) เป็นการแสดงความเคารพ โดยการประนมมือแล้วยกมือทั้งสองขึ้นจรดใบหน้าให้เห็นว่าเป็นการแสดงความเคารพอย่างสูง การไหว้แบบไทย แบ่งออกเป็น ๓ แบบ ตามระดับของบุคคล
ระดับที่ ๑ การไหว้พระ ได้แก่ การไหว้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รวมทั้งปูชนียวัตถุ ปูชนียสถาน ที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ในกรณีที่ไม่สามารถกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ได้ โดยประนมมือแล้วยกขึ้นพร้อมกับค้อมศีรษะลงให้หัวแม่มือจรดระหว่างคิ้ว ปลายนิ้วแนบส่วนบนของหน้าผาก
ระดับที่ ๒ การไหว้ผู้มีพระคุณและผู้อาวุโส ได้แก่ ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ ครู อาจารย์ และผู้ที่เราเคารพนับถือ โดยประนมมือแล้วยกขึ้นพร้อมกับค้อมศีรษะลงให้หัวแม่มือจรดปลายจมูก ปลายนิ้วแนบระหว่างคิ้ว
ระดับที่ ๓ การไหว้บุคคลทั่ว ๆ ไป ที่เคารพนับถือหรือผู้มีอาวุโสสูงกว่าเล็กน้อย โดยประนมมือแล้วยกขึ้นพร้อมกับค้อมศีรษะลงให้หัวแม่มือจรดปลายคาง ปลายนิ้วแนบปลายจมูก
อนึ่ง สำหรับหญิงการไหว้ทั้ง ๓ ระดับ อาจจะถอยเท้าข้างใดข้างหนึ่งตามถนัดไปข้างหลังครึ่งก้าวแล้วย่อเข่าลงพอสมควรพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ก็ได้
๔.๒ การกราบ (อภิวาท) เป็นการแสดงความเคารพอย่างสูง มี ๒ แบบ คือ
๔.๒.๑ การกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ เป็นการใช้อวัยวะทั้ง ๕ คือ หน้าผาก ซึ่งเป็นตัวแทน
ของส่วนบนของร่างกาย มือและข้อศอกทั้ง ๒ เป็นตัวแทนส่วนกลางของร่างกาย เข่าทั้ง ๒ ซึ่งเป็นตัวแทนส่วนล่างของร่างกายจรดพื้น การกราบมี ๓ จังหวะ คือ
ท่าเตรียม
ชาย นั่งคุกเข่าตัวตรงปลายเท้าตั้ง ปลายเท้าและส้นเท้าชิดกัน นั่งบนส้นเท้า เข่าทั้งสองห่างกัน
พอประมาณ มือทั้งสองวางคว่ำบนหน้าขา ทั้งสองข้าง นิ้วชิดกัน (ท่าเทพบุตร)
หญิง นั่งคุกเข่าตัวตรง ปลายเท้าราบ เข่าถึงปลายเท้าชิดกัน นั่งบนส้นเท้า มือทั้งสองวางคว่ำ
บนหน้าขา ทั้งสองข้าง นิ้วชิดกัน (ท่าเทพธิดา)
ท่ากราบ
จังหวะที่ ๑ (อัญชลี) ยกมือขึ้นในท่าประนมมือ
จังหวะที่ ๒ (วันทนา) ยกมือขึ้นไหว้ตามระดับที่ ๑ การไหว้พระ
จังหวะที่ ๓ (อภิวาท) ทอดมือทั้งสองลงพร้อม ๆ กัน ให้มือและแขนทั้งสองข้างราบกับพื้น
คว่ำมือห่างกันเล็กน้อยพอให้หน้าผากจรดพื้นระหว่างมือได้
ชาย ศอกทั้งสองข้างต่อจากเข่าราบไปกับพื้น หลังไม่โก่ง
หญิง ศอกทั้งสองข้างคร่อมเข่าเล็กน้อย ราบไปกับพื้น หลังไม่โก่ง จากนั้นก้มศีรษะลงให้หน้าผากจรดพื้นระหว่างมือทั้งสอง
ทำสามจังหวะให้ครบ ๓ ครั้ง แล้วยกมือขึ้นไหว้ในท่าไหว้พระ แล้ววางมือคว่ำลงบนหน้าขา
ในท่าเตรียมกราบ จากนั้นให้เปลี่ยนอิริยาบถตามความเหมาะสม
๔.๒.๒ การกราบผู้ใหญ่ กราบผู้ใหญ่ที่มีอาวุโสรวมทั้งผู้มีพระคุณ ได้แก่ ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ ครู อาจารย์ และผู้ที่เราเคารพ ผู้กราบทั้งชายและหญิงนั่งพับเพียบทอดมือทั้งสองข้างลงพร้อมกันให้แขนทั้งสองคร่อมเข่าที่อยู่ด้านล่างเพียงเข่าเดียว มือประนมตั้งกับพื้นไม่แบมือ ค้อมตัวลงให้หน้าผากแตะส่วนบนของมือที่ประนม ในขณะกราบไม่กระดกนิ้วมือขึ้นรับหน้าผาก กราบเพียงครั้งเดียว จากนั้นให้เปลี่ยนอิริยาบถโดยการนั่งสำรวมประสานมือ จากนั้นเดินเข่าถอยหลังพอประมาณแล้วลุกขึ้นจากไป
๔.๓ การคำนับ
เป็นการแสดงเคารพแบบสากล ในกรณีที่ไม่ไหว้หรือกราบ ให้ยืนตัวตรง ส้นเท้าชิดกัน ปลายเท้าห่างกันเล็กน้อย มือปล่อยไว้ข้างลำตัว ปลายนิ้วกลางแตะตะเข็บกางเกงหรือกระโปรงด้านข้าง ค้อมช่วงไหล่และศีรษะลงเล็กน้อย แล้วเงยหน้าขึ้นในท่าตรง การคำนับนี้ ส่วนมากเป็นการปฏิบัติของชาย แต่หญิงให้ใช้ปฏิบัติได้เมื่อแต่งเครื่องแบบและไม่ได้สวมหมวก
๔.๔ การแสดงความเคารพพระมหากษัตริย์
๔.๔.๑ การถวายบังคม เป็นราชประเพณีถวายความเคารพพระมหากษัตริย์ในงานพระราชพิธี
สำคัญ ก่อนที่จะถวายบังคมต้องนั่งอยู่ในท่าเตรียมคือ นั่งคุกเข่าปลายเท้าตั้ง นั่งบนส้นเท้าเช่นเดียวกันทั้งชาย
หญิง มือทั้งสองวางคว่ำเหนือเข่าทั้งสองข้าง ชายนั่งแยกเข่าได้เล็กน้อยหญิงนั่งเข่าชิด
การถวายบังคมแบ่งออกเป็น ๓ จังหวะ ดังนี้
จังหวะที่ ๑ ยกมือขึ้นประนมระหว่างอก ปลายนิ้วตั้งขึ้นแนบตัวไม่กางศอก
จังหวะที่ ๒ ยกมือที่ประนมขึ้น ให้ปลายนิ้วหัวแม่มือจรดหน้าผากเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย
จังหวะที่ ๓ ลดมือกลับลงตามเดิมมาอยู่ในจังหวะที่ ๑
ทำให้ครบ ๓ ครั้ง โดยจบลงอย่างจังหวะที่ ๑ แล้วจึงลดมือลงวางคว่ำเหนือเข่าทั้งสองข้าง
การถวายบังคมดังกล่าวนี้ หญิงมีโอกาสใช้น้อย จะใช้ในกรณีที่มีชายกับหญิงไปถวายบังคมร่วมกัน ถ้าหญิงล้วนให้ใช้วิธีหมอบกราบ
๔.๔.๒ การหมอบกราบ ให้แสดงความเคารพพระมหากษัตริย์ลงมาถึงพระบรมวงศ์
ในโอกาสที่เข้าเฝ้า โดยนั่งพับเพียบเก็บปลายเท้าแล้วจึงหมอบลงให้ศอกทั้งสองข้างถึงพื้นคร่อมเข่าอยู่ด้านล่างเพียงเข่าเดียว มือประสาน เมื่อจะกราบให้ประนมมือก้มศีรษะลง หน้าผากแตะส่วนบนของมือที่ประนม เมื่อกราบแล้วนั่งในท่าหมอบเฝ้าอีกครั้งหนึ่ง แล้วทรงตัวนั่งในท่าพับเพียบตามเดิม
๔.๔.๓ การถวายความเคารพแบบสากล ใช้กับพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศ์
ชาย ใช้วิธีการถวายคำนับ โดยค้อมตัวต่ำพอสมควร
หญิง ใช้วิธีการถวายความเคารพแบบย่อเข่า (ถอนสายบัว) มี ๒ แบบคือ
แบบสากลนิยม ยืนตรง หันหน้าไปทางพระองค์ท่านวาดเท้าข้างใดข้างหนึ่งไป
ข้างหลังเล็กน้อยตามถนัด พร้อมกับย่อตัวลง ลำตัวตรง หน้าตรง สายตาทอดลง ปล่อยแขนทั้งสองข้างแล้วยืนตรง
แบบพระราชนิยม ยืนตรง หันหน้าไปทางพระองค์ท่านวาดเท้าข้างใดข้างหนึ่ง
ไปข้าหลังเล็กน้อยตามถนัด พร้อมกับย่อตัวลง ขณะที่วาดเท้า ให้ยกมือทั้งสองข้างขึ้นวางประสานกันบนขาหน้าเหนือเข่า ค้อมตัวเล็กน้อย ทอดสายตาลง เสร็จแล้วยืนขึ้นในลักษณะเดิม
๔.๕ การแสดงความเคารพโดยทั่วไป
๔.๕.๑ การแสดงความเคารพศพ จะต้องกราบพระพุทธรูปเสียก่อน แล้วจึงไปทำความเคารพ
ศพส่วนการจุดธูปหน้าศพนั้นเป็นเรื่องเฉพาะของลูกหลานหรือศิษยานุศิษย์หรือผู้เคารพนับถือที่ประสงค์จะบูชา
การเคารพศพพระ ถ้าเจ้าภาพจัดให้มีการจุดธูป ให้จุด ๓ ดอก ชายกราบแบบ
เบญจางคประดิษฐ์ หญิงหมอบกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ ๓ ครั้ง
การเคารพศพคฤหัสถ์ ให้ทำความเคารพเช่นเดียวกับตอนที่ผู้ตายยังมีชีวิตอยู่ ถ้าเป็นศพของผู้
ที่มีอาวุโสมาก กราบ ๑ ครั้ง แต่ถ้าเป็นศพของผู้ที่มีอาวุโสใกล้เคียงกันกับผู้ที่ไปทำความเคารพ ให้ไหว้ในระดับที่ ๓ (ไหว้บุคคลทั่ว ๆ ไป) ส่วนการเคารพศพเด็กนั้นมีเพียงยืนสงบหรือนั่งสำรวมครู่หนึ่งในกรณีที่ศพได้รับพระราชทานเกียรติยศ ผู้เป็นประธานจุดธูปเทียนที่หน้าพระพุทธรูปและที่หน้าตู้พระธรรม แล้วไปจุดเครื่องทองน้อยที่หน้าศพเพื่อแสดงว่าวายชนม์บูชาพระธรรม แล้วจึงเคารพศพ
ส่วนผู้ไปในงาน กราบพระพุทธรูปที่โต๊ะหมู่บูชาแล้วจึงเคารพศพด้วยการกราบหรือคำนับ
๔.๕.๒ การเคารพอนุสาวรีย์บุคคลสำคัญ อนุสาวรีย์บุคคลสำคัญอาจเป็นรูปปั้น ภาพถ่าย
ภาพวาดหรือสัญลักษณ์อื่นก็ได้ ให้แสดงความเคารพด้วยการคำนับหรือกราบ หรือไหว้แล้วแต่กรณีในโอกาสพิเศษหรือเป็นพิธีการ เช่น เมื่อครบรอบวันเกิด หรือ วันสำคัญที่เกี่ยวข้องอันเป็นพิธีการให้ใช้พุ่มดอกไม้ ถ้าครบรอบวันตายหรือแสดงความระลึกถึงอันเป็นพิธีการให้วางพวงมาลาในโอกาสอื่น ๆ ที่ไม่เป็นพิธีการอาจแสดงความเคารพโดยใช้ หรือไม่ใช้เครื่องสักการะก็ได้
๔.๕.๓ การแสดงความเคารพของผู้เป็นประธาน ณ ที่บูชา เมื่อประธานในพิธีลุกจากที่นั่งเพื่อ
ไปบูชาพระรัตนตรัย ผู้ร่วมพิธียืนขึ้น และเมื่อประธานเริ่มจุดธูปเทียน ผู้ร่วมพิธีประนมมือเสมออกเมื่อประธานกราบ ผู้ร่วมพิธียกมือที่ประนมขึ้นให้นิ้วชี้จรดหน้าผากพร้อมทั้งก้มศีรษะเล็กน้อย หากที่บูชามีธงชาติ
และพระบรมฉายาลักษณ์ด้วย เมื่อประธานบูชาพระรัตนตรัยเสร็จแล้ว ให้ยืนขึ้นถอยหลัง ๑ ก้าว ยืนตรง ค้อมศีรษะคารวะครั้งเดียว ซึ่งถือว่าได้เคารพต่อธงชาติ และพระบรมฉายาลักษณ์ไปพร้อมกันแล้วให้ประธานปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้ทั้งชายและหญิงทั้งที่อยู่ในและนอกเครื่องแบบเมื่อจบพิธีแล้วประธานควรกราบพระพุทธรูปที่โต๊ะหมู่บูชาอีกครั้งหนึ่ง ส่วนผู้เข้าร่วมประชุมยืนขึ้นด้วยอาการสำรวม แล้วจึงไหว้ลาพระรัตนตรัยเป็นอันเสร็จพิธี แต่ในกรณีที่ยังมีกิจกรรมต่อเนื่อง เช่น ประธานทักทายสังสรรค์กับผู้เข้าร่วมประชุม หรือดื่มน้ำชา และประธานอยู่ร่วมกิจกรรมด้วย เมื่อประธานจะกลับ ไม่จำเป็นต้องกราบพระรัตนตรัย
๔.๕.๔ การแสดงความเคารพของผู้ที่แต่งเครื่องแบบ ให้ปฏิบัติตามระเบียบของสถาบันนั้น
๔.๖ การรับความเคารพ เมื่อผู้น้อยมาทำความเคารพ ควรรับความเคารพด้วยการประนมมือหรือ
ค้อมศีรษะรับตามควรแก่กรณี

วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

มารยาทไทย

มารยาทไทย

          

                   มารยาทไทย แสดงออกถึงความเป็นไทยที่ดีงามทางกิริยา และวาจา ที่ปฏิบัติต่อกันด้วยความสุภาพอ่อนน้อม มีสัมมาคารวะ และมิตรภาพที่ดี การปลูกฝังมารยาทไทยให้เยาวชนเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อจะได้นำไปประพฤติปฏิบัติร่วมกันอนุรักษ์ และรักษามารยาทไทยอันดีงามสืบต่อไป

๑.มารยาทในการแสดงความเคารพ

                   การแสดงความเคารพสามารถการทำได้หลายวิธี เช่นการไหว้ การกราบ การคำนับ การยืน การนั่ง การเดิน เป็นต้น ซึ่งจะปฏิบัติแตกต่างกันไปตามวาระโอกาส บุคคล และสถานที่

การโค้งคำนับ
             เป็นการแสดงความเคารพที่นิยมใช้กันในโอกาสพเศษต่างๆ เช่นถวายความเคารพพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์





การกราบ
                 เป็นการแสดงความเคารพที่มักใช้กับผู้สูงกว่า เช่น พระสงฆ์ พ่อ แม่ ครู ผู้มีพระคุณที่อาวุโสกว่าและปูชนียสถานหรือปูชนียวัตถุที่ควรค่าแก่การกราบไหว้ซึ่งวิธีการกราบจะแตกต่างกันไปตามระดับของบุคคล






การไหว้

             เป็นการแดงความเคารพพื้นฐานที่สามรถใช้ได้กับบุคคลแทบทุกระดับตั้งแต่พระสงฆ์จนกระทั่งคนในระดับเดียวกันตลอดจนศาสนสถาน และรูปเคารพต่างๆ ซึ่งก้อจะมีวิธีการไหว้ที่แตกต่างกันไป

     การปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี

๑. ศึกษาวิธีการแสดงความเคารพในรูปแบบต่างๆ
๒. เข้าร่วมกิจกรรมอนุรักษ์มารยาทไทย
๓. แสดงความเคารพได้ถูกต้องตามมารยาทไทยอยู่เสมอ

     การแนะนำผู้อื่น

๑. เชิญชวนให้ผู้อื่นแสดงความเคารพแบบไทยอย่างถูกต้อง
๒. บอกเล่าให้ผู้อื่นทราบถึงความสำคัญของมารยาทในการแสดงความเคารพ
๓. แนะนำวิธีการแสดงความเคารพในรูปแบบต่างๆ
๔. กล่าวชมเชยผู้ที่แสดงความเคารพได้ถูกต้อง

๒.มารยาทในการสนทนา

                  การสนทนา เป็นการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด การแสดงความคิดเห็น โดยการพูดคุยโต้ตอบกัน การสนทนาจึงเป็นสื่อกลางที่ทำให้มนุษย์รับรู้ เข้าใจ ซึ่งกันและกัน

     มารยาทในการสนทนาระหว่างบุคคลที่ถูกต้อง

๑. พูดสนทนาด้วยภาษาสุภาพ และลงท้ายด้วยหางเสียงครับ/ค่ะ
๒. หลีกเลี่ยงการพูดในเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้ฟัง
๓. พูดตรงประเด็น จริงใจ
๔.ขณะที่สนทนา สายตาควรมองไปที่ผู้ฟัง เนื่องจากแสดงให้เห็นถึงความสนใจ
๕. ไม่เป็นผู้พูดแต่ฝ่ายเดียว ควรเปิดโอกาสให้ผู้ฟังได้แสดงความคิดเห็นด้วย

      การปฏิบัติตนในการสนทนา

๑. ศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวกับมารยาทในการสนทนา
๒. ปฏิบัติตนในการสนทนาได้อย่างเหมาะสม
๓. สนทนาด้วยความจริงใจ
๔. ขณะสนทนากับผู้อื่นควรแสดงความเคารพด้วยการตั้งใจฟัง

     การแนะนำผู้อื่นให้มีมารยาทในการสนทนาที่ถูกต้อง

๑. อธิบายถึงคุณค่า ความสำคัญของการปฏิบัติตนเป็นผู้มีมารยาทในการสนทนาที่ดี
๒. แนะนำวิธีปฏิบัติตนเป็นผู้มีมารยาทในการสนทนาที่ดีให้แก่ผู้อื่น
๓. ชี้แนะผู้อื่นให้ปฏิบัติตนเป็นผู้มีมารยาทในการสนทนาที่ดี
๔. เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวิธีปฏิบัติตนเป็นผู้มีมารยาทในการสนทนา
๕. ชมเชยผู้ที่ปฏิบัติตนเป็นผู้มีมารยาทในการสนทนาที่ดี


๓.มารยาทในการแต่งกาย

                การแต่งกายของคนเรามีหลายลักษณะ ขึ้นอยู่กับความชอบ รสนิยม โอกาส และสถานที่ ซึ่งควรคำนึงถึงมารยาทถึงการแต่งกายให้ถูกต้องตามกาลเทศะ อีกทั้งการแต่งกายเป็นสิ่งที่แสดงบุคลิกภาพของบุคคล

     มารยาทในการแต่งกายที่ถูกต้อง

๑. สวมเครื่องแต่งกายโดยคำนึงถึงดอกาส สถานที่และบุคคลที่เราต้องไปพบ                               
๒. สวมเสื้อผ้าที่เรียบร้อยและไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง                                                                     
๓. แต่งกายมิดชิด ไม่เปิดเผยส่วนของร่างกายจนเกินไป                                                                 

นักเรียนควรแต่งกายให้ถูกต้องตามกฎระเบียบของโรงเรียน


๔.การมีสัมมาคารวะ

              สัมมาคารวะเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความเคารพ นอบน้อมทั้งทางกาย วาจา และใจต่อผู้อื่นรวมถึงการมีมารยาท และปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง

     ลักษณะของผู้ที่มีสัมมาคารวะ

๑. มีความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้อื่น
๒. เคารพและให้เกียรติผู้อื่นอยู่เสมอ
๓. มีมารยาททั้งกาย วาจา ใจ
๔. ประพฤติปฏิบัติให้เหมาะกับกาลเทศะ
๕. ไม่แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมทั้งต่อหน้าและลับหลังผู้อื่น

     การมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และแนะนำผู้อื่นให้ปฏิบัติตนมีสัมมาคารวะ

๑. แนะนำผู้อื่นถึงวิธีการปฏิบัติตนอย่างมีสัมมาคารวะที่ถูกต้อง
๒. อธิบายถึงคุณค่า ความสำคัญ และผลดีที่เกิดจากการเป็นผู้มีสัมมาคารวะ
๓. คอยตักเตือนบุคคลใกล้ชิดให้ปฏิบัติตนเป็นผู้มีสัมมาคารวะอยู่เสมอ
๔. ชักชวนผู้อื่นให้ร่วมกันปฏิบัติตนเป็นผู้ที่มีสัมมาคารวะเพื่อการสืบสานและอนุรักษ์
๕. ให้การชื่นชมผู้ที่ปฏิบัติตนเป็นผู้ที่มีสัมมาคารวะอยู่เสมอ




มารยาทไทย

มารยาทไทย/การแสดงความเคารพ <  มารยาทไทย รายละเอียดเกี่ยวกับการแสดงความเคารพเป็นเอกลักษณ์สำคัญของคนไทยเป็นเรื่องแรก การแสดงความ...